Exclusive Area สำหรับ Member
Sign Up เพื่อเข้าถึงแหล่งรวม Resource ฟรี!

หรือประเทศชาติจะใหญ่เกินกว่าที่คนในชาติจะสามารถ unite กันได้จริงๆ? — MIT กับมุมมองประเทศโลกที่ 18

Kamin MIT Diary #6

หรือประเทศชาติจะใหญ่เกินกว่าที่คนในชาติจะสามารถ unite กันได้จริงๆ?

Donald Trump เพิ่งชนะการเลือกตั้ง

สาบานด้วยเกียรตินักศึกษาวิชาทหารว่าตอนอยู่เมืองไทยไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว จะผ่านหูผ่านตาหน้าตาลุงนี่ก็เฉพาะแต่ใน 9gag
แต่พอมาถึงก็พบว่าคนที่นี่เขาอินมาก อย่างน้อยก็ใน Boston เรียกว่าพอตาลุงนี่ชนะเลือกตั้งก็ทำเอาบรรยากาศคนรอบข้างเศร้าสลดและรู้สึกเหมือนประเทศชาติกำลังจะล่มจมไปในทันที

มันพาลให้นึกถึงยุคเสื้อเหลืองเสื้อแดง หรือการปฏิวัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งคนไทยก็น่าจะคุ้นชินความรู้สึกนี้จนสามารถตบบ่าเพื่อนอเมริกัน แล้วพูดเบาว่าๆ

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเพื่อน… เดี๋ยวนายก็ชินเอง”

ความน่าประทับใจอย่างนึงคือที่ MIT มีการตื่นตัวเรื่องนี้มาก มีบอร์ดมากมายกระจายอยู่ทั่ว MIT เพื่อให้คนได้เขียนแสดงความคิดเห็นคำถามหรือระบายความรู้สึก
เพื่อนๆใน idm ก็ไม่น้อยหน้า ผลักดันจนมีการต่อรองขอเวลาเรียนส่วนนึงกับอาจารย์ให้กลายเป็นช่วง ‘เสวนาภาษาการเมือง’

ซึ่งมันสะท้อนถึงแนวคิดการรับมือกับเรื่องการเมืองที่ผมว่าน่าสนใจ

ก่อนไปก็เรียกว่าต้องเตรียมทำการบ้านไปนิดนึง ดีกว่าไปสุยเอาหน้างาน พูดจาสุรุ่ยสุร่ายดูไม่มีหัวคิด
เลยจัดการอ่านพวกบทความ ความคิดเห็นของคนทั้งสองฝั่ง ความเห็นของผู้รู้(จริงรึเปล่าไม่รู้)ชาวไทย ฟัง TED Talk และก็ดูคลิปวิดีโอของทั้ง Trump และ Hillary

ไม่ใช่อะไรหรอก ด้วยความเป็นคนไทยคนเดียวในนี้ ก็ไม่อยากจะให้บ้านเกิดซึ่งก็เป็นประเทศโลกที่ 3 อยู่แล้วกลายเป็นประเทศโลกที่ 8 หรือไม่ก็ 13 ในสายตาประชาชี

วันนี้ขอดูดีนิดนึง

พอถึงเวลาจริง หลายคนพ่นความในใจจนน้ำตาคลอถึงสิ่งที่เขาต่อสู้มาเช่น movement ที่สู้เพื่อสิทธิของเพศที่ 3 หรือสิ่งที่เขากำลังทำเพื่อ community ของเขา และอนาคตที่มืดมนไม่แน่นอน
หลายคนเล่าให้ฟังถึงคนรอบตัวที่ vote Trump เพราะแค่ไม่อยากได้ Hillary ซึ่งเป็นตัวแทนของนักการเมืองแบบเก่าที่ล้มเหลว แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยไปเสียทุกอย่างนะ (คุ้นๆไหม)
หลายคนเล่าถึงว่า อยากเข้าใจฝั่งตรงข้าม แต่ก็ไม่อยากให้อภัยในสิ่งที่เขาแสดงออก

Yoly สาวจีนที่ unique ที่สุดในภาค (unique ขนาดไหน ไว้จะหาโอกาสเล่าในลำดับต่อๆไป) แสดงความเห็นเป็นมหากาพย์เพราะอินเรื่องนี้เป็นพิเศษ ด้วยความภาษาเขาไม่แข็งแรง และเรื่องก็ลึกซึ้งจนสุดทาง ผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็ให้อารมณ์คล้ายๆดูหนังรางวัลในงานเทศกาลอินดี้

จะสื่ออะไร… ไม่รู้
แต่มันได้ฟีล

ผ่านไป 1 ชม. ความเห็น ความรู้สึกทุกคนปะปนกันไปหมด ผมดึงความกล้า ฮึบ! ยกมือ

คิดในใจ โอกาสที่จะได้สอนมวยฝรั่งของฉันมาถึงแล้วโว้ย…

ผมเล่าถึงสถานการณ์เมืองไทยที่ผ่านอะไรพวกนี้มาจนคนทั้งเซ็ง ด้านชา และปล่อยวาง
ทำให้รู้สึก inspire ดีที่เห็นพวกคุณซึ่งเป็นชาติแห่ง freedom และ democracy ก็ยังต้อง struggle กับเรื่องนี้
และชอบที่พวกคุณพยายาม discuss กันอย่างจริงจัง พยายามเข้าใจอีกฝั่งว่าเขามองเรื่องนี้เป็นยังไง มันคือเรื่องเดียวกับ human-centered design ที่เราเรียนๆกันในคลาส อย่างน้อยถ้าเราทำความเข้าใจคนในชาติที่เห็นต่างได้… เราก็พอมีโอกาสที่จะ ‘Design’ ชาติให้มันตอบโจทย์ของคนทุกฝ่ายได้

เป็นกำลังใจให้นะ จุ๊บๆ

ผมพูดจบ เพื่อนรอบๆข้างก็ยิ้มให้แล้วตบไหล่

ส่วน Matt บอกว่า พอฟังเราก็รู้สึก inspire เหมือนกัน …ที่รู้ว่ามันยังมีสถานการณ์ที่แย่กว่านี้

อ่าวเห้ย กรรม 555

ตอนนี้ประเทศไทยตกไปอยู่ในประเทศโลกที่ 18 ในสายตาทุกคนเรียบร้อยโรงเรียนจีน ข้าขอโทษ

พอจบการ discuss ครั้งนี้ ผมนั่งคิด เออเห้ย การแบ่งแยกของคนในชาติอย่างรุนแรง จู่ๆก็เกินขึ้นในหลายๆประเทศ แถมช่วงเวลาใกล้ๆกันอีก เพราะอะไร
เอาจริงๆ คนยุคผม โตมากับการตื่นตัวในเรื่องการเปิดรับ เสรีภาพ ความเท่าเทียม globalization บลาๆอะไรก็ว่าไป
จนถ้ามาสังเกตมุมมองการเมืองของตัวเอง เรามักจะปักธงกับฝั่งที่เรา ‘เชื่อ’ ว่าเป็นตัวแทนของสิ่งเหล่านี้ และผลักคนที่เห็นต่างไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามหรือฝ่ายที่ผิดโดยอัตโนมัติ

อื้ม แล้วเราก็เชื่อมั่นและเอาจริงเอาจังกับมันซะเหลือเกิน

แท้จริงแล้ว มนุษยชาติมีวุฒิภาวะมากพอที่จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ขนาดไหนกันเชียว?

ย้อนกลับไปในยุคหิน ตอนที่กลุ่มสังคมยังเป็นแค่ระดับครอบครัว
อะไรเป็นตัวผลักดันให้มนุษย์คนนึง เลือกเปิดรับ หรือขับไล่ เพื่อนมนุษย์ตาดำๆอีกคนนึงให้เข้ามาเป็นกลุ่มเดียวกัน

แล้วขยากจากครอบครัวสู่ชนเผ่า จากชนเผ่าสู่เมืองและอาณาจักร

เพื่อความอยู่รอด? เพื่อป้องกันหรือขับไล่คนที่จะเข้ามารุกราน?
หมายความว่า เพราะมีการกีดกัน “คนนอก” เลยทำให้เกิด การรวมตัวของ “คนใน” ?

แต่ในขณะเดียวกัน ยิ่งกลุ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ การ unite ของคนข้างในก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วในวันที่เกิดโครงสร้างทางสังคมที่ซับซ้อนถึงระดับ “ชาติ” ขึ้นมาแล้ว
จะเป็นไปได้ไหมที่คนในแต่ละจังหวัดหรือรัฐ จะรู้สึก unite เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน …ไม่มีคำว่ารัฐอีกต่อไป

จะเป็นไปได้ไหมที่คนต่างสีผิว จะรู้สึก unite เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน …ไม่มีคำว่าชาติพันธุ์อีกต่อไป

จะเป็นไปได้ไหมที่คนในทวีปเดียวกัน จะรู้สึก unite เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน …ไม่มีคำว่าประเทศอีกต่อไป

และจะเป็นไปได้ไหมที่คนทั้งโลก จะรู้สึก unite เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน …และทุกคนคือเผ่าพันธุ์ “มนุษย์” กลุ่มเดียวกันจริงๆ

หรือแท้จริงแล้วการ unite ไม่ใช่ nature ของมนุษย์ เป็นแค่สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดจากภัยคุกคาม ที่ไม่จีรัง และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกเท่านั้น

ถ้าเป็นงั้นก็ ไว้รอเอเลี่ยนบุกโลกเมื่อไร ค่อยปรองดองกัน

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Series...

✈️ Kamin MIT Diary

บันทึกการเดินทางสมัยที่นายคามินเดินทางไปเรียนที่ MIT
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Series...

🧠 The Second Brain

Method สำหรับ Personal Knowledge Management ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Series...

📚 กองดอง Book Review

รีวิวหนังสือแนะนำ

Latest Articles

มีบทความใหม่ทุกอาทิตย์ • ดูบทความทั้งหมด
เลือกดูเฉพาะหัวข้อเหล่านี้