Exclusive Area สำหรับ Member
Sign Up เพื่อเข้าถึงแหล่งรวม Resource ฟรี!

【ฮาวทู Productive?】เมื่อฉันใช้ Notification เป็น To-do List 🔴

ช่วงนี้เป็นช่วงที่งานหนักมาก มีหลายทีม หลาย business หลายโปรเจ็คที่จำเป็นต้องรัน และทุกๆอันก็อยู่ในช่วงที่กำลังตั้งไข่ทำให้ต้องเปลี่ยนแพลนกันเป็นรายวัน สุดท้ายมวลอารมณ์ของทุกวัน (และทุกคืน) จึงกลายเป็นการพยายาม manage will power และ mood ของตัวเองให้อยู่ในระดับที่พอจะสามารถเอาชีวิตรอดไปได้เท่านั้น 😅

To-do List ที่เกิดโดยธรรมชาติ VS โดยไม่ธรรมชาติ

สิ่งนึงที่รู้เลยว่าถ้าทำได้แล้ววันรุ่งขึ้นจะรู้สึกสบายตัวมากขึ้นคือ การแพลน to-dos และทำ time-boxing ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ และทุกๆวันสองวันระหว่างอาทิตย์

ที่ผ่านมา การทำอะไรพวกนี้เป็นสิ่งที่เราทำได้เป็นช่วงๆ ถ้าช่วงไหนที่ยุ่งมาก ป่วนมากก็จะหลุดและหยุดทำไป พอช่วงที่ตั้งสติได้ก็จะเริ่มกลับมาทำอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมา 2–3 เดือนเราอยู่ในช่วงชีวิตที่ปั่นป่วนมาก ทำให้พบสัจธรรมบางอย่างว่า

เมื่อไรก็ตามที่เราไม่ยอมจัดสรรเวลาเพื่อแพลน to-dos ล่วงหน้าในแต่ละวัน พวก email, messaging, notification บนมือถือจะเป็นตัวสร้าง to-dos ให้คุณเองโดยอัตโนมัติว่าคุณจะต้องทำอะไรในวันนั้นๆไปโดยปริยาย

การทำงานแบบปิงปองทำให้งานประเภทที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน (Important but not urgent) ไม่เกิดขึ้น

พอสังเกตตัวเองในช่วงที่ผ่านมา พบว่าตัวเองมักใช้เวลาในการทำงานแบบ reactive/responsive กล่าวคือเป็นมนุษย์ปิงปอง คอยตั้งรับว่ามีอะไรเข้ามาแล้วก็รับมือมันให้ดีที่สุด ตื่นขึ้นมามีไฟไหม้ตรงนู้นก็ไปดับตรงนู้น ถ้ามีไฟไหม้ตรงนี้ ก็ไปดับตรงนี้ ซึ่งถามว่างานเสร็จไหม มันก็เสร็จ แต่ก็จะเสร็จแต่งานที่ urgent มากกว่า

ซึ่งถ้าเรามองแบบ Eisenhower Matrix (Important VS Urgent) สุดท้ายสิ่งที่เราได้ทำในแต่ละวันมักจะอยู่ในโซน Urgent and Important และ Urgent and Not Important ปนๆกันไป ในขณะที่สิ่งสำคัญมากๆอย่าง Not Urgent but Important จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลย

เพราะ nature ของ To-dos ที่เกิดจาก notification คือ task ที่เป็นการ react กับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเกิดขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับ task ที่เกิดขึ้นแบบ intentionally บ่อยครั้งสิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยช่วงเวลาที่มี deep focus และใช้ critical thinking

Goal ในตอนนี้เลยเป็นการสร้าง system ที่จะช่วยทำให้เกิดเวลาสำหรับงานที่สำคัญจริงๆมากขึ้น เพราะของเหล่านี้มักจะเป็น Key สำคัญที่จะทำให้งานประสบความสำเร็จได้ยิ่งกว่างานประเภทอื่น หรือบางทีก็อาจจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้ในอนาคตได้อีกด้วย

ปรับจิตปรับใจ เพราะยังต้องไปอีกไกล

อีกอย่างที่ได้มีโอกาสฝึกฝนตัวเองในช่วงนี้ก็คือการปรับจิตให้นิ่งขึ้นเมื่อต้องอยู่ร่วมกับงานที่กองอยู่ตรงหน้า เพราะสุดท้ายเป้าหมายเราคือการเคลื่อนย้ายภูเขาซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น สิ่งสำคัญคือการสร้าง system และ balance ขวัญกำลังใจให้ยังเดินทางต่อไปได้อีก 5 ปี 10 ปี นั่นอาจหมายถึงการปล่อยวางภารกิจบ้าง หรือหยิบสิ่งที่เราอยากทำขึ้นมาทำก่อนบ้าง

และลงมือทำ ทำ ทำเท่านั้นจึงจะเสร็จ

สุดท้ายนี้ ในโลกที่ไม่ perfect ขอให้มีความสุขกับการทำงาน อย่าเครียดกับการแพลนหรือ prioritize งานมากนัก เพราะการลงมือทำมันให้เสร็จ คือสิ่งเดียวที่จะทำให้งานเสร็จ (เอ้อ ง่ายๆอย่างงี้เลยเนอะ 🤔)

ปล. ใครอยากคูคลิป animation น่ารักๆที่พูดเรื่องนี้แนะนำให้ดู TED Talks: How to Manage Your Time More Effectively (According to Machines) โดย Brian Christian ซึ่งพูดถึงเหตุการณ์ของ Spacecraft โดย NASA ที่หยุดทำงานไปดื้อๆ และเหตุการณ์นั้นได้สอนอะไรเราเกี่ยวกับการ Manage Tasks และ Time บ้าง

มีใครกำลังอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันบ้างไหมครับ มีอะไรอยากแนะนำหรือแชร์สามารถพิมพ์ไว้ใต้ comment ได้เลยครับ👇

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Series...

✈️ Kamin MIT Diary

บันทึกการเดินทางสมัยที่นายคามินเดินทางไปเรียนที่ MIT
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Series...

🧠 The Second Brain

Method สำหรับ Personal Knowledge Management ที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Series...

📚 กองดอง Book Review

รีวิวหนังสือแนะนำ

Latest Articles

มีบทความใหม่ทุกอาทิตย์ • ดูบทความทั้งหมด
เลือกดูเฉพาะหัวข้อเหล่านี้