ในชีวิตไม่เคยนึกว่าจะมีใครเรียกเราว่าครู และก็ไม่นึกว่าจะมีเอกสารจ่าถึงเราว่าอาจารย์ (บางที่ถึงขั้นเรียก Professor ส่วนนักเรียนเรียกว่า Sir… เออ ตูไม่ใช่อัศวิน 😅)
อาจจะเพราะที่ผ่านมาเรายุ่งมาก (แต่ตอนนี้ยุ่งกว่า เอ๊ะ) และสถานการณ์ที่เราจะสามารแชร์ความรู้อะไรก็แล้วแต่มันช่างดูห่างไกลจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตทุกๆวันซะเหลือเกิน
แถมเราไม่เคยรู้สึกว่าเรารู้อะไรมากพอที่จะเป็นอาจารย์ และก็ไม่ได้มีวุฒิภาวะหรืออะไรที่เหนือล้ำไปกว่าเด็กเกรียนๆที่เพิ่งจบม. 6 คนนึง แต่คือจำได้ว่ามีอยู่ครั้งนึง เพื่อนชื่อนนทิซึ่งเป็นเพื่อนที่ผมนับถือในความเก่งกาจตั้งแต่สมัยเรียน เคยบอกไว้ว่า
“จริงๆการสอนคือวิธีการทำให้ตัวเก่งขึ้นได้ดีที่สุด”
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจำได้ไหมแต่ไม่รู้ทำไมผมยังจำได้มาจนถึงทุกวันนี้
สุดท้ายโลกก็หมุนทำให้เราตกกระไดพลอยจน โดนลากมาสอนเป็นอาจารย์พิเศษประจำในวิชา AR/VR ที่วิศวะอินเตอร์ลาดกระบัง ซึ่งต้องบอกว่าทุกวันนี้ถือเป็น Rewarding moment ประจำอาทิตย์เลยนะ
ตอนที่โดนชวนมาสอนตอนนั้นคือกำลังจะย้ายกลับมาอยู่ไทยซักพัก ซึ่งแบบพี่กบพี่อักที่ชวนมาบอกล่วงหน้าแค่แป๊บเดียว ตอนแรกก็ยัง เอ๊ะ จะเตรียมทันไหม แต่สุดท้ายก็เหมือนกับทุกอย่าง พอจะต้องทันมันก็ทันเอง (ฮา)
เอ้อ เดี๋ยวจะนอกเรื่องไปไกล คือแค่อยากเล่าว่า ก่อนหน้านี้เรามักจะนึกว่าอาจารย์คือคนที่โตไปแล้วเรียบร้อย อารมณ์แบบ figure out ชีวิต และ master อะไรไปเรียบร้อยแล้ว และหน้าที่เขาก็คือทำให้เราเติบโตบ้าง แต่สุดท้ายพอต้องมาทำเองก็พบว่า อาจารย์คือหมวก ทุกคนมีบทบาทที่ต้องเล่นในแต่ละที่แต่ละทาง อาจารย์ก็คือสิ่งมีชีวิตชนิดนึงที่มีความงงๆงวยๆเหมือนลูกศิษย์ เพียงแต่มารับบทบาทที่จะทำประโยชน์ให้กับคู่กรณีคือลูกศิษย์เฉยๆ และจริงๆลูกศิษย์ก็ทำให้อาจารย์เติบโตไม่ต่างกัน ซึ่งการที่ดันได้มาสอนก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้ปลดล๊อคและเห็นช่องให้เราสามารถโตได้อีกครั้ง
อีกอย่างนึงก็คือ มันทำให้เรา realize บทบาทตรงนี้ในการบริหารบริษัทและทีมของเรามากขึ้น แม้ว่านอกห้องเรียนเราจะไม่ได้สวมหมวก “อาจารย์” อยู่ก็ตาม แต่ถ้านึกดูดีๆ ในฐานะคนที่ต้องทำหน้าที่เพื่อทำให้คนในทีมเติบโตและ be the best self they can be ก็ควรจะต้องสวมหมวก “อาจารย์” (หรือที่ฝรั่งเขาเรียก Mentor) บ้างเป็นบางครั้งบางคราว
ซึ่งคำว่าอาจารย์ก็คงต้องพูดกันอีกยาวว่ามันแปลว่าอะไร หรือเวลาเราสวมหมวกนี้ behavior เราควรจะเป็นยังไง ควรจะคิดยังไง สำหรับผมอย่างน้อยตอนนี้คือการเป็นคนชี้ให้เขาเห็นจุดที่ hold him/her back ใน context ที่ถูกต้อง แล้วให้เขาตัดสินใจเอง รวมถึงคอยช่วยทำให้ working environment มันเอื้อต่อการเติบโต เติมปุ๋ย เติมน้ำให้แก่คนในทีมของเรา
พูดแล้วก็น้ำตาจะไหล นึกย้อนไปถึง “อาจารย์” ทุกคนที่ผ่าน …คามินขอขอบพระคุณ 🙏